วันพฤหัสบดีที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

การตั้งค่าพื้นฐานของ Blog ขั้นต้น, เผยแพร่, การตั้งค่าข้อคิดเห็น, เก็บเข้าคลังบทความ




เป็นการตั้งเครื่องมือที่ใช้ในบล็อกของเรา เช่น อนุญาตให้เครื่องมือค้นหาพบบล็อกของคุณหรือไม่ แสดงลิงก์ส่งบทความทางอีเมล ติ๊กเลือกให้เหมาะสมกับ blog เรานะคะ

นอกจากนี้ในการตั้งค่าพื้นฐานยังมีการตั้งค่ารวม เพื่อใช้ในการตั้งค่าที่เกี่ยวกับบทความของเรา






การเผยแพร่


เป็นการตั้งค่าที่อยู่ Blog*Spot นอกจากนี้ยังมีลิงค์ให้เราเข้าไปจดทะเบียนโดแมนอีกด้วย





     ต่อไปเป็นการจัดรูปแบบเพื่อน ๆ ลองเปลี่ยนค่าเหล่านี้ดูนะคะ เช่น แสดง บทความ เราสามารถเปลี่ยนได้ ดิฉันเองให้แสดงแค่บทความละหน้าพอค่ะ เพราะรู้สึกรกตา หากบทความสั้นก็ 3-4 บทความต่อหน้าก็ได้ รูปแบบวันที่เวลา ตามใจชอบค่ะ ไม่พอใจแล้วค่อยมาเปลี่ยนใหม่ได้ค่ะ







การตั้งค่าข้อคิดเห็น


เราสามารถตั้งค่าที่เกี่ยวกับข้อคิดเห็นต่างๆเช่น แสดงหรือซ่อนความคิดเห็น เลือกกลุ่มคนที่มีสิทธิ์แสดงความคิดเห็น แบบการเผยแพร่

เป็นการตั้งค่าที่อยู่ Blog*Spot นอกจากนี้ยังมีลิงค์ให้เราเข้าไปจดทะเบียนโดแมนอีกด้วยฟอร์มข้อคิดเห็น แสดงรูปของผู้แสดงความคิดเห็น การตรวจสอบ เป็นต้น







เก็บเข้าคลังบทความ

-เป็นการตั้งค่าเกี่ยวกับความถี่ของการเก็บข้อความเข้าคลังบทความ และการเปิดใช้หน้าบทความ





วันอาทิตย์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

การกำหนดรูปแบบ blog












การกำหนดรูปแบบ เป็นการกำหนดการแสดงผลของบล็อกให้มีลักษณะรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร แสดงข้อมูลอะไรบ้าง สามารถทำได้โดยการคลิกที่ รายการ “แผงควบคุม” (หมายเลข 1) แล้วคลิกที่รายการ “รูปแบบ” (หมายเลข 2)




การกำหนดรูปแบบของบล็อกสามารถกำหนด 4 รายการดังนี้

1. องค์ประกอบของหน้า

2. แบบอักษรและสี

3. แก้ไข HTML

4. เลือกแม่แบบใหม่
1. องค์ประกอบของหน้า

1.1 ส่วนหัวเรื่อง


1) การกำหนดรูปภาพส่วนหัวเว็บให้คลิกที่รายการแก้ไข






2) เลือกรายการรูปภาพจากคอมพิวเตอร์








3) เลือกรายการจัดวาง


- เบื้องหลังชื่อและคำอธิบาย รูปภาพจะปรากฏด้านหลังชื่อ (Title) และคำอธิบาย (Description)

- แทนที่ชื่อและคำอธิบาย จะไม่มีชื่อ และคำอธิบาย

4) คลิกที่รายการบันทึก







5) คลิกที่รายการ ดูบล็อก





 
 
 
 




1.2 การเพิ่ม Gadget




1) แกตเจ็ต (Gadget) คือเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ใช้ในการปรับแต่งบล็อกให้มีคุณสมบัติการใช้งาน โดยมี Gadget พื้นฐาน 21 ชนิด

                              




 หน้าเว็บ แสดงรายการของหน้าเว็บอิสระในบล็อก(page) สร้างหน้าเว็บเพ็จได้จำนวน 10 หน้า สามารถประยุกต์ใช้ในการจัดทำข้อมูลห้องสมุด ข้อมูลท้องถิ่น ประวัติความเป็น บุคลากร คณะกรรมการ เป็นต้น






ผู้ติดตาม แสดงรายการของผู้ใช้ที่ติดตามบล็อก







ช่องค้นหา ค้นหาบล็อก การลิงก์ไปยังบล็อกอื่น และทุกสิ่งที่คุณได้ลิงก์ไป


 
 
 
 
 

 
HTML/จาวาสคริปต์ เพิ่มฟังก์ชันการทำงานหรือรหัสอื่นในบล็อก เช่น ถ้าต้องการข้อความ “ยินดีต้อนรับ” วิ่งในบล็อก ใช้คำสั่ง HTML

 
 
 
 
 
 
ข้อความ เพิ่มข้อความในบล็อก เช่น ข้อความประชาสัมพันธ์ ข่าวสารข้อมูลทั่วไปที่มีข้อความสั้น ๆ
 
 
 
 
 
 
 
AdSense สร้างรายได้จากการแสดงโฆษณาที่มีความเกี่ยวข้องบนบล็อก
 
 
 
 
 
 
รูปภาพ เพิ่มรูปภาพจากคอมพิวเตอร์หรือจากที่อื่นในเว็บ
 
 
 
 
 
 
 
 
 
สไลด์โชว์ เพิ่มสไลด์โชว์ภาพถ่ายในบล็อก
 
 
 
 
 
 
 
 
แถบวิดีโอ แสดงคลิปจาก YouTube และ Google Video เพื่อให้ผู้อ่านชมโดยไม่ต้องออกจากหน้าเว็บ


 
 
 


 
แบบสำรวจ สำรวจความเห็นจากผู้เข้าชมโดยเพิ่มแบบสำรวจในบล็อก
 
 
 
 
 
 
 
 
รายการบล็อก อวดสิ่งที่อ่านด้วยการลิงก์ไปยังบล็อกอื่น
 
 
 
 
 
 
 
 
รายชื่อลิงก์ เพิ่มเว็บไซต์ บล็อก หรือหน้าเว็บที่โปรดปราน สามารถประยุกต์ใช้ในการเชื่อมโยงไปยังเครือข่าย ห้องสมุดต่าง ๆ
 
 
 
 
 
 
 
 
รายการ เพิ่มรายการหนังสือหรือภาพยนตร์โปรด หรืออะไรก็ได้ที่ชื่นชอบ







ฟีด เพิ่มเนื้อหาจากฟีดข้อมูล RSS หรือ Atom ในบล็อก

 
 
 
 
 
 
Newsreel เพิ่มพาดหัวปัจจุบันจาก Google News ในบล็อกโดยอัตโนมัติ
 
 
 
 
 
 
 
 
ป้ายกำกับ แสดงป้ายกำกับของบทความทั้งหมดในบล็อก ประยุกต์ใช้ในการจัดหมวดหมู่บทความ หรือเนื้อหาต่าง ๆ
 
 







ลิงก์การสมัคร อนุญาตให้ผู้อ่านสามารถสมัครรับข้อมูลบล็อกได้สะดวกด้วยเครื่องมืออ่านฟีดที่ได้รับความนิยม









โลโก้ เลือกจากโลโก้มากมายของ Blogger เพื่อเพิ่มในหน้า








โปรไฟล์ แสดงข้อมูลเกี่ยวกับผู้จัดทำบล็อก








คลังบทความของบล็อก แสดงลิงก์ไปยังบทความที่เก่ากว่า


 
 

 

 
 
ส่วนหัวของหน้า แสดงชื่อและคำอธิบายของบล็อก


 
2) แกตเจ็ตเพิ่มเติม มีให้เลือกจำนวนมาก ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์การใช้งานในการแสดงผลในบล็อก






3) แกตเจ็ต สามารถแทรกเพิ่มเติมในบล็อกได้ ในตำแหน่งที่กำหนดไว้ โดยการคลิก รายการ “เพิ่ม Gadget” ในตำแหน่งที่ต้องการ



แกตเจ็ตที่สามารถเพิ่มเติมในบล็อกได้ จะมีเครื่องหมาย + ให้คลิกที่เครื่องหมายบวกเพื่อเพิ่มแกตเจ็ตเข้าไปในบล็อก แกตเจ็ตใดที่เพิ่มเติมในบล็อกแล้วจะมีรายการ “เพิ่มแล้ว” ไม่สามารถเพิ่มแกตเจ็ตนั้นได้


แกตเจ็ตบางชนิดสามารถเพิ่มเติมได้หลายครั้ง เช่น รูปภาพ
 


เมื่อกำหนดรายละเอียดของแกตเจ็ตแล้วให้คลิกที่ ปุ่ม “บันทึก”



4) การเปลี่ยนตำแหน่งแสดงผลของแกตเจ็ตในบล็อก สามารถทำได้โดยการใช้เมาส์คลิกที่แกตเจ็ตที่ต้องการย้ายแล้วลากไปวางในตำแหน่งใหม่









5) การลบแกตเจ็คออกจากบล็อก ให้คลิกที่รายการ “แก้ไข” ของแกตแจ็ตที่ต้องการลบ ที่หน้าต่างแก้ไขให้คลิกที่ ปุ่มลบ






วันศุกร์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

เด็กไม่เอาถ่าน คำนี้มีที่มาจากอะไร?



เด็กที่วันๆ เอาแต่เล่นเกมส์ออนไลน์ ไม่อ่านหนังสือเรียน การบ้านก็ไม่ทำ งานบ้านก็ไม่เคยคิดจะหยิบจับช่วยเหลือพ่อแม่ ทานอาหารแล้วไม่รู้จักล้างจานชาม เหล่านี้ล้วนเป็นตัวอย่างพฤติกรรมของ เด็กไม่เอาถ่าน
ทำไมจึงเรียก "เด็กไม่เอาถ่าน" คาดกันว่าคำนี้มีที่มาจากคำเดิม คือ "เหล็กไม่เอาถ่าน" เพราะในสมัยก่อนนั้น การหลอมเหล็กหรือตีอาวุธจากเหล็กให้แข็งแกร่งนั้น จำเป็นต้องใช้ถ่านในการก่อเปลวไฟจนลุกโชน เพื่อให้ความร้อนแก่เหล็ก แล้วถ่านหรือคาร์บอนจะแทรกตัวเข้าไปอยู่ในเนื้อเหล็กหลังจากการถลุง ถ้าเหล็กไม่มีถ่านผสมอยู่เลย เหล็กนั้นจะมีคุณภาพต่ำ ไม่แข็งและเหนียวพอที่จะเรียกว่า เหล็กกล้า แต่หากมีมากเกินไปจะทำให้เหล็กเปราะ เหล็กที่ดีควรมีคาร์บอนเข้าไปผสมอยู่ประมาณ 0.1 - 1.8% ช่างตีอาวุธจากเหล็กในสมัยโบราณ จำเป็นต้องคิดค้นหากลวิธี เพื่อขจัดปัญหาดาบหัก เพราะแสดงถึงกรรมวิธีการผลิตที่ไม่ดีทำให้เหล็กไม่เอาถ่าน จนกลายเป็นคำพูดติดปาก เปรียบเทียบนิสัยคนกับอาวุธว่า "เหล็กไม่เอาถ่าน"
ขอบคุณข้อมูล : lib.ru.ac.th
ที่มา : หนังสือ ภาษาคาใจ ภาค 3 ถอดรหัสภาษาไทยที่ยัง "ค้างคาใจ" เขียนโดย สังคีต จันทนะโพธิ

แคนตาลูป ผลไม้มีประโยชน์


บำรุงกระดูกและฟันและขับปัสสาวะ
แคนตาลูป เป็นพืชตระกูลแตง อยู่ในตระกุลเดียวกับแตงไทย มีถิ่นกำเนิดในประเทศอินเดีย คนอินเดียและแอฟริการู้จักกินแคนตาลูปมานานกว่า 4,000 ปี ชื่อแคนตาลูปได้มาจากการนำแตงพันธุ์นี้เข้าไปปลูกในประเทศอิตาลีที่เมืองแคนตาลูโป (Cantalupu) ใกล้กับกรุงโรม ต่อมาพระเจ้าชาร์ลที่ 8 นำไปปลูกในฝรั่งเศส และเรียกว่า "แคนตาลูป" อังกฤษนำไปปลูกบ้าง เลยเรียกชื่อตามภาษาฝรั่งเศส
มีการนำแคนตาลูปเข้ามาปลูกในเมืองไทยตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2478 เมื่อก่อนเรียกว่า "แตงเทศ" หรือ "แตงฝรั่ง" ด้วยรูปร่างลักษณะคล้ายกับแตงไทย จึงมีบางคนเรียกแคนตาลูปว่า "แตงไทยฝรั่ง" แต่ปลูกแล้วเป็นโรคจึงตายเป็นจำนวนมาก ต่อมาได้มีการพัฒนาพันธุ์ จนสามารถปลูกแคนตาลูปได้ผลผลิตดีเช่นในปัจจุบัน
แหล่งปลูกแคนตาลูปในบานเราอยู่ที่อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี และอำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว เกษตรกรในอรัญประเทศเรียกแคนตาลูปว่า "แตงคุณหนู" เพราะเป็นผลไม้ที่ต้องดูแลเอาใจใส่กันเป็นพิเศษ ตั้งแต่หยอดเมล็ดจนได้ผลกันเลย
แคนตาลูปเป็นพืชล้มลุก มีลักษณะเป็นไม้เถา ตามเถา และก้านใบมีขนนิ่ม ใบเหลี่ยมมน ดอกสีเหลือเกสรตัวผู้และตัวเมียอยู่คนละดอก ผลกลมรี ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางผล 10 - 16 ซ.ม. เปลือกนอกแข็ง เนื้อชุ่มน้ำ ผลดิบเนื้อกรอบ เมื่อสุกเนื้อนิ่ม หอมหวาน สีของเนื้อแคนตาลูปแตกต่างกันตามสายพันธุ์ สามารถแบ่งออกได้ ดังนี้
- เนื้อสีเขียวหรือเขียวขาว เป็นพันธุ์ลูกผสมต่างประเทศมีทั้งผิวเรียบและผิวลายตาข่าย ผลสุกเปลือกสีเขียว ครีมเหลือง และเหลือทอง เนื้อมีทั้งเนื้อกรอบและเนื้อนุ่ม รถหวาน และมีกลิ่นหอม เช่น พันธุ์เจดคิด ฮันนี่ดิว ฮันนี่เวิลด์ และวีนัสไฮบริด เป็นต้น
- เนื้อสีส้ม ผลมีทั้งผิวเรียบและผิวลายเป็นตาข่าย ผลสุกเปลือกสีครีม และสีเหลือง เนื้อมีทั้งเนื้อกรอบและเนื้อนุ่ม รถหวาน และมีกลิ่นหอมค่อนข้างแรง ได้แก่ พันธุ์ซันเลดี้ ท๊อบมาร์ค นิวเอ็มเมลลอน และนิวเซนต์จูรี เป็นต้น
ในแคนตาลูปสุกครึ่งลูก มีสารอาหารต่างๆ มากมาย มีน้ำตาล มีแคลเซียม 38 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 44 มิลิกรัม เหล็ก 1.1 มิลลิกรัม โซเดียม 33 มิลลิกรัม โปตัสเซียม 682 มิลลิกรัม วิตามินเอมีมากถึง 9,240 I.U., ไนอาซีน 1.6 มิลลิกรัม และวิตามินซีก็มีมากถึง 90 มิลลิกรัม ซึ่งใกล้เคียงกับส้มเขียวหวานเลยทีเดียว และยิ่งถ้าซื้อแคนตาลูปในเดือนเมษายน ซึ่งเป็นช่วงฤดูกาลของแคนตาลูป จะมีสารอาหารจำพวกไรโบฟลาวิน ไนอาซิน ไทอามิน และวิตามินซีสูงเป็นพิเศษ
สารอาหารในแคนตาลูป ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน เนื้อผลสุก เป็นยาขับปัสสาวะ ขับน้ำนม ขับเหงื่อ ดับพิษร้อน บำรุงธาตุและสมอง ช่วยบรรเทาอาการอักเสบของทางเดินปัสสาวะ แก้กระหาย สมัยก่อนฝรั่งเชื่อกันว่ากินแตงแคนตาลูปแล้วทำให้สายตาดี และมีสติด จะคิดจะทำสิ่งใดก็ได้ตามความมุ่งหมาย
น้ำแคนตาลูป นอกจากดื่มแก้กระหายคลายร้อน ช่วงเดือนเมษายนได้อย่างดีแล้ว ยังช่วยลดไข้ เพราะแคนตาลูปเป็นผลไม้เย็น ส่วนน้ำตาลและเอ็นไซม์ที่มีอยู่ในแคนตาลูป ยังช่วยเคลือบกระเพาะอาหาร บรรเทาอาการอักเสบของลำไส้ และบรรเทาอาการท้องปั่นป่วนจากการรับประทานอาหารไม่ตรงตามเวลาได้
การทำน้ำแคนตาลูปให้ได้รสหวานเย็นชื่นใจนั้น ต้องเลือกซื้อแคนตาลูปที่สุกกำลังดี แคนตาลูปอ่อนจะไม่มีกลิ่นหอม ถ้าสุกเกินไปเมื่อเขย่าดูจะมีน้ำอยู่ข้างใน แสดงว่าไส้ล้ม ให้เลือกผลขนาดกลาง ซึ่งมีน้ำหนักประมาณสักหนึ่งกิโลกรัมก็ใช้ได้แล้ว นอกจากดูน้ำหนักแล้ว ผิวของแคนตาลูปก็มีส่วนสำคัญ ผิวต้องเรียบตึง สวย ไม่เป็นร่องหยัก เลือกที่สีนวลเหมือนเปลือกไข่
ลองทำน้ำแคนตาลูปกันดู โดยให้ปอกเปลือกแคนตาลูป แล้วเอาเมล็ดออก หั่นชิ้นเล็กปริมาณ 1 ถ้วย ตามด้วยแตงโมเอาเมล็ดออก หั่นชิ้นเล็ก ½ ถ้วย ต่อด้วยน้ำส้มคั้น ½ ถ้วย และน้ำมะนาว 1 ช้อนชา แล้วใส่ส่วนผสมทั้งหมดลงในโถปั่น ปั่นด้วยความเร็วสูง จนเนื้อเนียนเข้ากันดี เทใส่แก้ว ดื่มทันที
หรือจะทำ น้ำแคนตาลูปผสม โดยให้นำแคนตาลูป 1 ลูก ผ่าครึ่ง ใช้ช้อนตักเอาเมล็ดออก หั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมไม่ต้องใหญ่มาก นำไปปั่นจนเนื้อแตงเนียน พักไว้ แล้วนำน้ำนมถั่วเหลือง 1 ถ้วย น้ำผึ้ง หรือน้ำตาลสีรำ 1 ช้อนโต๊ะ น้ำแข็งเกล็ด 1 ½ ถ้วย ใส่ลงในโถปั่น ปั่นด้วยความเร็วสูง ประมาณ 1 นาทีแล้วจึงใส่น้ำแคนตาลูปลงไปปั่นรวมกัน นานอีก 1 นาที จนเข้ากันดี รินใส่แก้วดื่มทันที
ที่มา : จดหมายข่าวสุขสาระ ก.พ. 53

การดื่มน้ำบำบัดโรค


<น้ำถือว่าเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักของชีวิตเรา เฉกเช่นเดียวกับอาหารที่ต้องรับประทานเพื่อการดำรงอยู่ แต่จะดื่มอย่างไรถึงจะทำให้มีสุขภาพดีด้วย มาลองอ่านกันนะคะ
การดื่มน้ำมากๆ จะทำให้อายุยืน ยิ่งถ้าพบว่าผิวหนังแห้ง ไม่ชุ่มชื้น ตาแห้ง มีกลิ่นปาก ท้องผูก เป็นริดสีดวงทวาร นั่นแสดงว่า ร่างกายของคุณกำลังขาดน้ำอย่างยิ่งเชียว วิธีแก้แบบง่าย ปลอดภัย และประหยัดที่สุดก็คือ การดื่มน้ำ นั่นเอง แต่...จะดื่มยังไงดีนั่นล่ะ
การดื่มให้ถูกวิธี คือ ดื่มวันละ ๑๔ แก้ว ได้แก่ ๑. เวลาตื่นนอนให้ดื่มน้ำอุ่น ๔ แก้ว ๒. ก่อนอาหารทุกมื้อ มื้อละ ๑ แก้ว ๓. หลังอาหารทุกมื้อ มื้อละ ๑ แก้ว ๔. ในเวลา ๑๐.๐๐, ๑๔.๐๐, ๑๖.๐๐ เวลาละ ๑ แก้ว ๕. ก่อนนอนดื่มน้ำอุ่น ๑ แก้ว
เทคนิคในการดื่มน้ำเพื่อสุขภาพ ถ้าดื่มในช่วงพระอาทิตย์ยังไม่พ้นขอบฟ้า ต้องดื่มน้ำอุ่น.... แต่ถ้าพระอาทิตย์พ้นขอบฟ้าแล้ว ให้ดื่มน้ำเย็นค่ะ เป็นการกลับคืนสู่ธรรมชาติที่มนุษย์ทุกคนหลงลืมอิทธิพล ของพระอาทิตย์-พระจันทร์มานาน ถ้าทำได้ดังที่ว่านั้น เค้าบอกว่าประโยชน์จะเกิดขึ้นกับร่างกายของคุณอย่างเห็นได้ชัด เพราะการดื่มน้ำ สามารถทำลาย เชื้อแบคทีเรียได้ ทำให้โอกาสในการเป็นโรคภูมิแพ้ต่ำ สามารถล้างคราบไขมันตามลำคอ และล้างลำไส้ที่มีความยาว ๑๒ เมตรของมนุษย์ได้
โดย: พี่ทิพ
ข้อมูลจาก: http://www.teenpat

อัศจรรย์พลังน้ำ


น้ำใสๆ ไม่มีรสชาติ แต่มีดีสารพัดเลยนะ
ความอัศจรรย์ของพลังน้ำที่มีกับพวกเราๆ ทุกคนนั้น เริ่มขึ้นหลังจากที่เราดื่มน้ำหรืออาหารที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบ น้ำก็จะไปถูกดูดซึมที่ลำไส้เล็ก แล้วไปรวมเดินทางผจญภัยตามเซลล์ต่างๆ กับเลือดทั่วตัวของเรา จากนั้นก็เริ่มกระจายกำลังกันออกทำหน้าที่ต่างๆ เริ่มตั้งแต่เป็นองค์ประกอบในเนื้อเยื้อและอวัยวะต่างๆ (เกือบ 70 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักตัวคือน้ำ) ไปเป็นตัวทำละลายสารอาหาร ช่วยลำเลียงแร่ธาตุ วิตามิน และเลือดให้ไหลเวียนไปบำรุงหล่อเลี้ยงเซลล์ต่างๆ ทั่วร่างกาย (ซึ่งมีไม่น้อยกว่า 75 แสนล้านเซลล์) หนำซ้ำคุณเธอยังใจดีรับของเสียจากเซลล์ต่างๆ กลับออกมาทิ้งให้ด้วย อีกทั้งเป็นที่ช่วยควบคุม กระจาย และขับความร้อนในร่างกายให้อยู่ในภาวะปกติ ช่วยให้สดชื่นสบายตัว ไม่ให้ร่างกายเกิดภาวะขาดน้ำ นอกจากนั้นน้ำยังเป็นเหมือนน้ำมันเครื่องคอยหล่อลื่นอวัยวะภายในร่างกายต่างๆ ไม่ให้เสียดสีกัน จนชำรุดสึกหรอ และบำรุงผิวให้สวยใสไม่แห้งเหี่ยวก่อนวัยอันควร และเมื่อได้เที่ยวสนุกจนเพลินใจแล้ว น้ำซึ่งหอบของเสียกลับมาก็จะถูกขับออกจากร่างกายในรูปของเหงื่อ ลมหายใจ และปัสสาวะ ถือเป็นการสิ้นสุดทัวร์ของน้ำในร่างกายเขาล่ะ เห็นมั้ยคะว่าน้ำสำคัญกับชีวิตและสุขภาพของเรามากเพียงไหน ฉะนั้นจะยกแก้วขึ้นดื่มน้ำคงต้องดูสักนิดว่า น้ำสะอาดหรือมีพิษภัยซ่อนอยู่บ้างหรือเปล่า (อย่าลืมสิคะว่าน้ำเป็นตัวทำละลายชั้นดี ไม่ว่าจะเป็นสารอาหารที่มีประโยชน์หรือสารพิษที่มีโทษ น้ำก็ละลายมาไว้เก็บกับตัวได้ทั้งนั้น) ถ้าสุ่มสี่สุ่มห้ากินเข้าไปแบบไม่ระวัง โดนท้องไส้ตับไตประท้วงกลับเอาบ้าง แล้วจะมาบ่นทีหลังไม่ได้นะเออ...
เรื่อง "น้ำ" น่ารู้ ผู้ใหญ่ควรดื่มน้ำวันละ 6-8 แก้วต่อวัน อย่ารอให้รู้สึกกระหายน้ำก่อนถึงจะหาน้ำเย็นๆ มาดื่ม เพราะนั่นแสดงว่าร่างกายสูญเสียน้ำไปแล้วประมาณ 2-3 แก้ว ทางที่ดีควรขยันจิบน้ำไปเรื่อยๆ ทั้งวันจะดีกว่า พยายามเลี่ยงการดื่ม กาแฟ ชา น้ำอัดลม ซึ่งมีคาเฟอีนและเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เพราะคาเฟอีนและแอลกอฮอล์จะไปกระตุ้นการขับปัสสาวะ ทำให้ร่างกายเสียน้ำมากขึ้น น้ำเย็นจะซึมเข้าสู่ร่างกายได้เร็วและช่วยดับร้อนได้ดีกว่าน้ำอุ่น ร่างกายของเราไม่สามารถเก็บน้ำไว้ใช้ได้ เราจึงต้องดื่มน้ำเป็นประจำ ถ้าร่างกายได้รับน้ำไม่พอก็จะเกิดภาวะขาดน้ำ อ่อนเพลีย หน้ามืด หรือช็อคหมดสติเป็นอันตรายได้ การดื่มน้ำมากๆ ช่วยให้ไตไม่ต้องทำงานหนักมาก เนื่องจากน้ำจะช่วยให้ไตสามารถขับของเสียออกมาได้ดีขึ้น
อย่าลืมเริ่มต้นวันใหม่และอำลาวันเก่าอย่างสดชื่นด้วยน้ำเปล่า 1 แก้วเป็นประจำทุกวัน

แจ็ค AF4 เปิดเคล็ด ความสำเร็จ จากสิ่งที่ ใช่


"แจ็ค AF 4 " เมธัส ตรีรัตนวารีสิน ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นดาวรุ่งพุ่งแรง จากผลงานเพลง รวมทั้งซิทคอมเรื่อง "มหาชนชาวแฟลต" ทางช่อง 3 และละครเรื่องทัดดาว บุษยา ที่รับบทเป็น"แต้ม" ทางช่อง 3 เช่นกัน แถมนิสัยดี ความประพฤติเรียบร้อยและยังไม่มี "ข่าวคาว" ใด ๆ ให้เป็นที่เสื่อมศรัทธาของแฟน ๆ
และที่สำคัญ "แจ็ค" เป็นคนที่ให้ความสำคัญกับการเรียนมากพอ ๆ กับความชอบด้านการร้องเพลง จึงถือได้ว่า เขาคือวัยรุ่น "ต้นแบบ" อีกคนหนึ่งที่น่าเอาเยี่ยงอย่าง...
จริง ๆ นิสัยส่วนตัวเป็นยังไง
นิสัยโดยส่วนตัวเป็นคนง่ายๆ ครับ ไม่คิดมากแต่ค่อนข้างจะคิดเป็นระบบ ที่บอกไม่คิดมากคือจะไม่เอาหลาย ๆ เรื่องมาคิดรวมกัน แต่จะคิดเป็นสเต็ปซะมากกว่า ผมชอบวางแผนสิ่งที่จะทำไว้ล่วงหน้าและค่อนข้างจริงจังกับทุกอย่างที่ทำ
รู้จักตัวเองตั้งแต่เมื่อไหร่
ผมเริ่มเรียนอนุบาลที่ โรงเรียนเทพารักษ์ ต่อมาระดับประถมได้เรียนที่โรงเรียนชายล้วน อัสสัมชัญศรีราชา และในระดับมัธยมได้เข้ามาเรียนที่โรงเรียนสาธิตพิบูลบำเพ็ญ มหาวิทยาลัยบูรพา สายวิทย์-คณิต ด้วยเกรดเฉลี่ย 3.4 ซึ่งในช่วงนั้นแจ็คก็ได้สนใจในเรื่องของดนตรี การร้องเพลง จึงเริ่มทำวงดนตรีกับเพื่อน ๆ แนวป็อปร็อค ชื่อว่าวง "โครมันยอง" ในช่วงเวลาว่างหลังเลิกเรียนก็จะไปซ้อมดนตรีกับเพื่อนๆ พอมีงานประกวดก็เข้าร่วมประกวดบ้าง และจุดที่ทำให้ผมค้นหาตัวเองได้ว่าชอบทางด้านสายดนตรีอาจจะเป็นเพราะสิ่งแวดล้อมรอบข้าง เพราะเพื่อนสมัยมัธยมต้นชอบเล่นกีตาร์ตัวเองก็จะเข้าไปร่วมร้องเพลงกับเพื่อน ๆ และนี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมชอบการร้องเพลงมาก
ชอบศิลปะแล้วทำไมเรียนสายวิทย์-คณิตย์
ผมว่ามันเป็นความชอบที่ต่างกันสุดขั้วกันเลย เป็นคนที่ชอบทางด้านการร้องเพลงมาก แต่แปลกที่ผมก็ชอบเรียนในวิชาที่ใช้การคำนวณ และกลับไม่ชอบวิชาที่ใช้การท่องจำ ซึ่งขอบอกว่าต่างกันสุดขั้วจริง ๆ ผมจะเรียนแบบที่ใช้ความเข้าใจ ชอบเรียนวิชาคณิต ฟิสิกส์มาก แต่ในอีกมุมนึงผมก็ชอบการร้องเพลงที่สุดเหมือนกัน ผมชอบบริหารสมอง 2 ฝั่งครับ (หัวเราะ) ในสมัยเรียนผมก็ไม่ได้เป็นเด็กเรียนนักหรอกคือไม่ได้เคร่งเครียดมาก กิจกรรมในสมัยเรียนถ้ากิจกรรมไหนที่ผมไม่ชอบเท่าไหร่ผมก็โดดครับ (หัวเราะ) แต่ถ้ามีกิจกรรมที่เกี่ยวกับดนตรีผมก็เข้าร่วมตลอด ส่วนในเรื่องของการเรียนผมไม่ค่อยได้โดดนะ ส่วนมากจะเข้าไปเรียนมากกว่ายิ่งเป็นวิชาที่เราชอบอย่างวิชา เลข ฟิสิกส์ แทบไม่ค่อยโดดเลยครับ เพราะผมคิดว่าถ้าผ่านไปก็จะเรียนไม่รู้เรื่อง ขี้เกียจมาถามเพื่อน พอถามเพื่อน ๆ ทีหลังส่วนใหญ่ก็พูดไม่รู้เรื่องอีก ก็เลยคิดว่าเข้าเรียนดีกว่าจะได้ไม่ต้องเรียนพิเศษเพิ่มเติมเพราะผมไม่ชอบการเรียนพิเศษ ผมคิดว่าการเรียนเสริมมันไม่ดีตรงที่รู้สึกว่าเราเรียนมาเกือบทั้งอาทิตย์ก็เหนื่อยแล้ว วันเสาร์-อาทิตย์ขอผมนอนพักผ่อนซ้อมดนตรีกับเพื่อนๆ ดีกว่าครับ หรือไม่ว่าง ๆ ผมก็อยู่บ้านเล่นเปียโน กีตาร์ ผมเลยมองว่าแค่เรียนในห้องเรียนให้เต็มที่ก็โอเคแล้ว
ครอบครัวสนับสนุนยังไงเรื่องการเรียน
ครอบครัวผมก็ให้การสนับสนุนเรื่องการเรียนเต็มที่นะครับ อยากทำอะไรก็ให้ทำคือปล่อยให้เราคิดอิสระ ทำตามความฝันได้ ไม่มีข้อห้ามอะไรทั้งสิ้น ถ้าอยากเรียนเพิ่มก็ส่งเสริมตลอด อาจจะเป็นโชคดีของผมก็ได้ที่มีครอบครัวที่เข้าใจเรามากที่สุด
เรื่องสาว ๆ สมัยเรียนเป็นไงมั่ง
(หัวเราะ)...ความรักของผมสมัยวัยเรียนค่อนข้างจะอกหักซะมากกว่า แต่ก่อนผมเรียนโรงเรียนสหศึกษาก็จะมีแก๊งผู้ชาย และแก๊งผู้หญิงใช่มั้ยครับ เพื่อนๆผู้ชายก็จะมีการเมาท์กันตามประสา ประมาณว่าผู้หญิงคนนี้เพิ่งเข้ามาใหม่ น่ารักนะ แจ็คไปจีบดิ แบบนี้อ่ะครับ แต่ตอนนั้นผมจีบสาวไม่ค่อยเป็น ถ้าจะจีบนะผมจะเข้าไปจีบตรง ๆ เลย ชอบใครก็เดินเข้าไปคุยเลย แบบว่าแสดงความจริงใจ ไม่ค่อยมีชั้นเชิงอะไรเลยทำให้ผมโดนทิ้งบ่อย ๆ โดนทิ้งมา 5-6 คนละครับ (หัวเราะ) ไม่เคยได้ทิ้งเค้าก่อนสักที ส่วนมากผมจะโดนทิ้ง ก็อยากจะบอกน้องๆนะครับว่าอย่างเพิ่งไปคิดมากจริงจังเรื่องความรัก ก็คบกันไปเรื่อย ๆ ขำ ๆ ไปก่อนดีกว่า เดี๋ยวเวลาผ่านไปเดี๋ยวอะไรก็มาเองครับ
ไขว่คว้าหาฝันของตัวเองยังไง
ตั้งแต่เด็กผมมีความฝันที่อยากจะเป็นนักร้องแต่ผมก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมากมายเพราะผมคิดว่าการที่จะได้ก้าวมาเป็นนักร้องขึ้นอยู่ที่โอกาสไม่ใช่ว่าใครทุกคนจะได้รับ ถึงจะร้องเพลงเก่งยังไงก็แล้วแต่ขึ้นอยู่ที่โอกาสว่าใครจะได้มามากกว่า และเอาโอกาสที่ได้มาใช้ให้คุ้มค่าที่สุด ส่วนตัวผมเองได้หาโอกาสจากการไปสมัครประกวดร้องเพลงตามที่ต่างๆเรื่อยๆ หาประสบการณ์จากการขึ้นเวทีบ่อย ๆ เริ่มจากไปประกวดร้องเพลงในรายการ "เซียนโอเกะ" ทางข่อง 7 สี และต่อมาก็ได้เข้ามาสมัครในรายการ "ทรู อะแคนเดมี่ แฟนเทเชีย ซีซัน4 " (AF) เมื่อ3 ปีที่แล้วครับ เลยทำให้ตัวเองมีโอกาสก้าวเข้ามาอยู่ในจุดนี้
ติดตามบทสัมภาษณ์ แจ็ค AF4 และเรื่องราวความสำเร็จอื่น ๆ ได้ใน Eduzones Magazine วางแผงวันนี้ที่ซีเอ็ดบุ๊คทั่วประเทศ
หรือดูรายละเอียดที่ http://magazine.eduzones.com/

เผยไอเท็มโดดเด่น! สาวสวยสไตล์ Mari-J เก๋ไก๋กับแฟชั่นรับฤดูร้อน


อีกหนึ่งไอเท็มที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่ง นิตยสารเรย์ นิตยสารแฟชั่นและความงามติดอันดับ Top 5 จากประเทศญี่ปุ่นเอาใจสาวๆ ไม่ให้ตกเทรนด์แฟชั่นกับไอเท็มแปลงโฉมสไตล์สาวสวยในแบบ Mari-j กับสไตล์ล่าสุด "เก๋ไก๋สไตล์สาวฝรั่งเศส Lovely French Girl" โดดเด่น สะดุดตากับการสร้างพ้อยต์ ดีเทลผ้าพลิ้วและลายพริ้นต์ ที่หลากหลายสไตล์รับฤดูร้อน
เริ่มกันที่ "ชุดเดรสลายพริ้นต์และไอเท็มรูปโบว์" (1) เพิ่มดีไซน์กับเครื่องประดับเก๋ๆ เบรกความหวานของชุดเดรสอย่างลงตัว "Vintage Lady" (2) ไอเท็มลูกไม้ที่ดูเป็นเลดี้มีกลิ่นอายแบบเลดี้ย้อนยุค "Happy Hippie" (3) ไอเท็มสไตล์ฮิปปี้ย้อนยุคปรี้ยวซ่ากลิ่นอายเวสเทิร์น "Resort Girl" (4) ชุดเดรสผ้าฝ้ายสีหวานแต่งลูกไม้ เพิ่มความสดใสด้วยไอเท็มอย่างลูกไม้และผ้าฝ้าย "Bohemian Chic" (5) เทรนด์ใหม่คือมิกซ์ท่อนบนแบบเฟมินีน ขาดไม่ได้กับดีไซน์เน้นความน่ารักและสง่างาม ทั้ง มินิสเกิร์ตระบายเป็นชั้น (6) หรือ แม็กซี่เดรสตัดต่อผ้าพลิ้ว (7) ที่ทำให้ดูหรูหรา มิกซ์ลายดอกอิมเมจเม็กซิกันเกิร์ล (8) กับเดนิมสีเข้ม
ส่วนไอเท็มที่พลาดไม่ได้ของปีนี้ Vintage Style Item ทั้งสวีทหรือแคชชวล เพิ่มกลิ่นอายวินเทจย้อนยุคก็เสริมราศีให้กับสาวสวยไม่ว่าจะเป็น ดีไซน์เน้นความน่ารักและสดใส (9) และ ไอเท็มเดนิมกลิ่นอายวินเทจ (10) มิกซ์กับสีสันให้อิมเมจสาวคันทรี่ เป็นสไตล์วินเทจแคชชวลแบบเซ็กซี่

สงกรานต์ล้านนา ประเพณีปี๋ใหม่เมือง


ณ หมู่บ้านเล็กๆแนวตะเข็บชายแดนไทย-ลาว โดยแม่แม่น้ำโขงไหลกันระหว่างสองประเทศ ชื่อว่าหมู่บ้านสบกก ต.บ้านแซว อ.เชียงแสน จ.เชียงราย เป็นหมู่บ้านที่มีพี่น้องหลากหลายชนชาติ หลากหลายถิ่นฐาน มาอยู่ร่วมกันโดยสันติสุข จึงก่อเกิดวัฒนธรรมประเพณีที่สวยงาม ทุกปีเมื่อวันสงกรานต์มาถึง ซึ่งถือว่าเป็นวันปีใหม่เมือง จึงมีการทำบุญวันขึ้นปีใหม่ ทางเหนือจะแตกต่างจากทางภาคอื่นๆไปบ้างแต่ไม่มาก วันที่ 13 เป็นวันสังขารร่อง วันที่ 14 เป็นวันเนา วันที่ 15 เป็นวันพญาวัน และเป็นวันทำบุญตักบาตร วันที่ 16 เป็นวันส่งเคราะห์ หรือเป็นวันปากปีมาดูบรรยากาศวันที่ 14 กันก่อนครับ วันเนาหรือวันดา(เตรียม)ชาวบ้านต่างพากันห่อขนมจ๊อกในช่วงเช้า บ่ายไปจนถึงเย็นก็จะขนทรายเข้าวัด